• Nenhum resultado encontrado

ตำราแพทย์แผนโบราณ

N/A
N/A
Protected

Academic year: 2021

Share "ตำราแพทย์แผนโบราณ"

Copied!
74
0
0

Texto

(1)
(2)

คำำนำำ ในกำรจัดทำำและพัฒนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ "ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน" ซึ่งเป็นโครงกำรร่วมมือ กันระหว่ำง "กรมศิลปำกร" และ "สำำนักงำนอุทยำนกำรเรียนรู้" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำำหนังสือและ เอกสำรหำยำกที่อย่้ในควำมด้แลรับผิดชอบของสำำนักหอสมุดแห่งชำติและสำำนักหอจดหมำยเหตุแห่ง ชำติ มำจัดทำำใหูอย่้ในร้ปของดิจิทัล (Digital) และสำมำรถเผยแพร่ใหูบริกำรแก่ประชำชนทั่วไปไดู อย่ำงกวูำงขวำง สำำหรับหนังสือเรื่อง "ตำำรำแพทย์แผนโบรำณ" ว่ำดูวยวิชำหมอนวดก็เป็นหนึ่งใน จำำนวนหนังสือที่ไดูถ้กคัดเลือกมำใหูจัดทำำและพัฒนำตำมโครงกำรดังกล่ำว หนังสือเรื่อง "ตำำรำแพทย์แผนโบรำณ" ว่ำดูวยวิชำหมอนวด เรียบเรียงโดย ร.อ.ขุน โยธำ-พิทักษ์ (แท่น ประทีปะจิตติ) ซึ่งเคยเป็นนำยแพทย์ประจำำกระทรวงกลำโหมสมัยรัชกำลที่ ๕ ใน หนังสือเล่มนี้แบ่งออกตำมเนื้อหำเป็นส่วนๆ คือ ส่วนแรก เป็นหลักกำรนวด โดยใชูภำพประกอบพรูอมระบุตำำแหน่งต่ำงๆ ที่จะใชูแกูพยำธิของ โรคอย่ำงละเอียด รวมทั้งวิธีกำรวำงปลิง (ชัลลุกะ) ตำมจุดต่ำงๆ ของร่ำงกำยเพื่อใชูรักษำโรค ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของโยคศำสตร์ หรือตำำรำฤๅษีดัดตนฉบับวัดโพธิ์ ส่วนที่สำม กล่ำวถึงอำกำรของโรคต่ำงๆ ส่วนที่สี่ เป็นเรื่องของเภสัชหรือยำขนำนต่ำงๆ ที่ใชูรักษำโรค เอกสำรฉบับนี้เป็นกำรศึกษำคูนควูำ เรียบเรียงขูอม้ลที่น่ำสนใจเพิ่มเติมจำกหนังสือเรื่อง "ตำำรำ แพทย์แผนโบรำณ" เพื่อใชูเป็นเนื้อหำประกอบในกำรจัดทำำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ใหูมีควำมสมบ้รณ์ รอบดูำนและเพื่อต่อยอดควำมรู้ควำมเขูำใจแก่ผู้อ่ำนใหูกวูำงขวำงลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้จัดทำำจึงหวังว่ำผู้ ที่ไดูใชูประโยชน์จำกเอกสำรฉบับนี้จะไดูประโยชน์และสำมำรถนำำไปต่อยอดไดูตรงตำมจุดประสงค์ของ โครงกำร อำจำรย์ ดร.ทรงธรรม ปำนสกุณ ผู้จัดทำำ

(3)

บทที่ ๑ กำรแพทย์ไทยสมัยโบรำณ ปัญหำโรคภัยไขูเจ็บเป็นปัญหำสำำคัญของมนุษย์มำตั้งแต่ครั้งโบรำณกำล ในสังคมดั้งเดิมก่อน ยุคตั้งบูำนเมืองวิถีชีวิตของคนในสังคมยึดมั่นอย่้กับวิญญำณนิยม นับถือผีสำงเทวดำ อธิบำย ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติตลอดจนโรคภัยว่ำเกิดจำกอำำนำจที่มองไม่เห็น กำรปัดเป่ำควำมทุกข์รูอน เนื่องจำกควำมวิปริตของธรรมชำติ รวมถึงกำรรักษำโรคจึงขึ้นอย่้กับอำำนำจลึกลับโดยมีหมอผีเป็น ตัวกลำงในกำรควบคุมและใชูอำำนำจลึกลับนั้น กำรแพทย์ในยุคแรกๆ ของสังคมมนุษย์ จึงผ้กพันอย่้กับไสยศำสตร์และควำมเชื่อมั่นในสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ครั้นต่อมำดูวยประสบกำรณ์และกำรลองผิดลองถ้กจึงพบประโยชน์จำกสมุนไพรและสัตว์ซึ่ง ไดูนำำมำใชูในกำรรักษำ เมื่อสังคมไดูวิวัฒนำกำรจำกสังคมดั้งเดิม เขูำส่้ยุคอำณำจักรในสมัยสุโขทัยและอยุธยำ ไดูรับ อิทธิพลศำสนำและวัฒนธรรมที่ส้งกว่ำจำกอินเดียและเขมร แต่ลัทธินับถือผีสำงเทวดำก็ยังฝังอย่้ในวิถี ชีวิตของประชำชน ในยุคนี้กำรรักษำโรค นอกจำกจะพึ่งหมอซึ่งรักษำดูวยเวทมนตร์คำถำและสมุนไพร แลูว วิชำกำรแพทย์ระบบเก่ำ ก็ไดูเผยแพร่เขูำมำจำกอินเดีย มีตำำรับตำำรำกำรแพทย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ของชีวกโกมำรภัต ผู้มีชีวิตอย่้ในสมัยพุทธกำลและเป็นแพทย์ประจำำพระองค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธ เจูำ เป็นผู้รู้ในเรื่องสมุนไพรสำมำรถนำำมำปรุงยำไดูหลำยขนำน นอกจำกนั้นท่ำนยังสำมำรถผ่ำตัด สมองและลำำไสู และเป็นผู้ไดูสรูำงตำำรำวิชำเวชศำสตร์และเภสัชศำสตร์ซึ่งถือเป็นคัมภีร์แพทย์ในสมัย ต่อมำ นอกจำกควำมรู้ทำงกำรแพทย์จำกอินเดียแลูว กำรแพทย์แผนโบรำณของจีนก็มีบทบำทอย่้มำก ในอยุธยำมีย่ำนขำยยำซึ่งเป็นย่ำนคนจีน แพทย์ไทยบำงคนไดูมีโอกำสเรียนรู้ตำำรำยำของจีน และใชูนำำ มำในกำรรักษำโรคดูวย ถึงแมูจะมีวิชำกำรแพทย์และตำำรำที่ค่อนขูำงเป็นระบบ แต่ตำำรำแพทย์ถือเป็น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีกำรแกูไขหรือปรับปรุงใหูดีขึ้น นอกจำกนั้นอิทธิพลควำมเชื่อถือในอำำนำจ ลึกลับยังคงครอบงำำสังคมอย่้ กำรรักษำและด้แลผู้ป่วยจึงขึ้นอย่้กับสิ่งเหนือธรรมชำติดูวย ควำมเชื่อถือ ในเรื่องนี้ผ้กพันอย่ำงแนบแน่นกับกำรแพทย์แผนโบรำณของไทยมำแต่อดีตกำลจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จึงจะเห็นไดูจำกกำรเก็บสมุนไพรและกำรปรุงยำตูองทำำตำมฤกษ์ยำม โชคลำงเวทมนตร์ และคำถำ กำร ลงเลขยันต์ในชิ้นส่วนของสมุนไพร, ในกูนหมูอตูมยำ, บนผูำยันต์ปิดปำกหมูอตูมยำ หรือบนเฉลวปัก ปำกหมูอ ในกำรรักษำผู้ป่วยนอกจำกกำรรักษำทำงยำแลูว ยังใชูไสยศำสตร์ดูวย เช่น แพทย์ผู้รักษำจะ ปั้นร้ปดินเหนียวใส่ในกระทงพรูอมดูวยขูำว เกลือ พริก หมำกพล้ฯ จุดธ้ปเทียนนำำไปวำงตำมทำงเดิน หรือลอยลงในแม่นำ้ำลำำคลองเป็นกำรบัตรพลีเพื่อขจัดปัดเป่ำควำมเจ็บไขู และปลอบขวัญใหูกำำลังใจแก่ ผู้ป่วยและญำติ พิธีกรรมนี้เรียกว่ำ กระบำล (ค่ำธรรมเนียมสำำหรับพิธีกำรนี้เรียกว่ำ เสียกระบำล) ในสมัยนี้ผู้ทำำหนูำที่แพทย์มี ๒ ประเภท คือแพทย์พื้นเมืองหรือที่เรียกกันว่ำ หมอรำษฎร รับ รักษำชำวบูำนทั่วไป ค่ำรักษำก็แลูวแต่จะไดูรับจำกผู้ป่วย หมอรำษฎรมักเป็นผู้ชำยมีทั้งที่เป็นฆรำวำส และพระสงฆ์ นอกจำกหมอตำำแยซึ่งมักเป็นหญิงส้งอำยุเท่ำนั้น กำรเป็นหมอในสมัยนั้นเป็นไดูยำก ส่วนมำกผู้ที่มีโอกำสฝึกฝนเล่ำเรียนจะเป็นบุตรหรือญำติสนิทของหมอเอง แต่บำงคนศึกษำโดยอำศัย ตำำรำ แลูวทำำกำรทดลองฝึกหัดรักษำจนมีควำมชำำนำญ

(4)

หมอรำษฎร ถูำมีควำมชำำนำญและมีควำมสำมำรถมำกจนเป็นที่พอพระรำชหฤทัย ไดูรับแต่งตั้ง เป็นหมอหลวงมีหนูำที่รักษำสมำชิกของรำชวงศ์ตลอดจนขุนนำงตำมพระบรมรำชโองกำร ไดูรับ พระรำชทำนเงินจำกงบประมำณแผ่นดิน กำรฝึกเป็นหมอหลวงทำำไดูโดยบิดำที่เป็นหมอหลวง จะนำำ บุตรชำยเขูำฝึกหัดเป็นผู้ช่วยในกรมหมอหลวงจนชำำนำญและไดูเลื่อนขั้นตำมลำำดับ ซึ่งใชูเวลำศึกษำ และฝึกฝนนำนนับเป็นปีๆ ในสมัยอยุธยำนอกจำกกำรแพทย์แผนโบรำณที่ใชูรักษำกันอย่้แลูว ยังมีกำรแพทย์จำกตะวันตก ซึ่งเขูำมำเมื่ออยุธยำมีควำมสัมพันธ์กับตะวันตก แต่อิทธิพลกำรแพทย์ตะวันตกนี้มิไดูทำำใหูวิธีกำร รักษำพยำบำลแต่เดิมของไทยเปลี่ยนแปลงไป เพรำะขูอจำำกัดอันเนื่องมำจำกวิถีประชำและวัฒนธรรม ในสมัยนั้นไม่เอื้ออำำนวยใหูกับกำรรักษำแบบตะวันตกซึ่งอันเป็นกำรแพทย์แผนปัจจุบัน แมูมีหลัก ฐำนกำรสรูำงสถำนพยำบำลโดยบำทหลวงฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช แต่ก็ไม่ไดูรับ กำรสนับสนุนมำกนักจำกรำชสำำนัก อีกทั้งชำวฝรั่งเศสอย่้ในอยุธยำไม่นำนพอที่จะวำงรำกฐำนกำร แพทย์แบบใหม่ไดู อย่ำงไรก็ตำมมีหลักฐำนที่ระบุว่ำในสมัยพระนำรำยณ์ชำวฝรั่งเศสไดูใชูกำรแพทย์ แบบใหม่ในกำรรักษำผู้ป่วย เชอร์ วำเลีย เดอฟอร์บัง นำยทหำรฝรั่งเศสซึ่งมิไดูเป็นแพทย์เคยเย็บแผล ใหูพันตรีโบเรอ คำร์ท ที่ถ้กแทงไสูทะลักเมื่อครำวกบฏมักกะสัน โดยอำศัยจำกที่เคยเห็นมำ ฟอร์บังยก ไสูและกระเพำะใส่คืนในช่องทูอง แลูวใชูไหมรูอยเข็ม ๒ เล่มเย็บแผล จำกนั้นก็นำำไข่ขำวตีผสมกับ เหลูำรัมชะลูำงบำดแผลทุกวัน ทำำอย่้ ๑๐ วัน ไม่นำนก็หำยสนิท เมื่อสิ้นรัชกำลสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช ชำวฝรั่งเศสไดูเดินทำงออกจำกอยุธยำไปหมด ทำำใหู กำรเผยแพร่วิชำแพทย์แผนตะวันตกสิ้นสุดลง กำรรักษำโรคจึงพึ่งกำรแพทย์แผนโบรำณมำโดยตลอด ต่อมำในปี ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยำถ้กทำำลำยย่อยยับในกำรสงครำม ตำำรับตำำรำวิชำกำรแขนงต่ำงๆ ถ้ก ทำำลำยและส้ญหำยไปมำก เมื่อสมเด็จพระเจูำตำกสินมหำรำชตั้งรำชธำนีใหม่ ณ กรุงธนบุรี ก็ยังพัวพัน อย่้กับกำรสงครำม กำรฟื้นฟ้วิทยำกำรต่ำงๆ จึงค่อนขูำงทำำไดูยำก เมื่อพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟูำ จุฬำโลกมหำรำช ทรงยูำยเมืองหลวงจำกฝั่งตะวันตกของแม่นำ้ำเจูำพระยำมำทำงฝั่งตะวันออก ทรง สถำปนำรำชธำนีแห่งใหม่ และขำนนำมรำชธำนีแห่งนี้ว่ำ กรุงเทพมหำนครบวรรัตนโกสินทร์ฯ ในปี พุทธศักรำช ๒๓๒๕ อันนับเป็นปีที่ ๑ แห่งรัตนโกสินทร์ศก อันถือเป็นจุดเริ่มตูนของกำรสรูำงสรรค์ ควำมเจริญรุ่งเรือง โดยไดูเริ่มฟื้นฟ้วิทยำกำรดูำนต่ำงๆ เช่น กฎหมำย มีกำรรวบรวมและชำำระตัวบทกฎหมำย เพื่อใชูเป็น บรรทัดฐำนในกำรว่ำกล่ำวคดี นอกจำกนี้ ยังโปรดเกลูำฯ ใหูมีกำรสังคำยนำพระไตรปิฎกอีกดูวย สำำหรับในดูำนกำรแพทย์ ตลอดรัชสมัยของพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟูำฯ นั้น ยังคงใชูกำร รักษำตำมแผนโบรำณที่สืบเนื่องมำแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยำ ใชูประโยชน์จำกสมุนไพรสัตว์ วัตถุ ธำตุวัตถุ ในกำรปรุงยำ มีกำรรักษำดูวยกำรนวดร่ำงกำย และรักษำกระด้กหักโดยใชูเฝือกแบบล้กระนำด แต่ในรัชสมัยของรัชกำลที่ ๑ นี้ ยังมีสงครำมอันยืดเยื้อมำแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยำและกรุงธนบุรี ทำำใหูบูำนเมืองอย่้ในภำวะลำำบำกที่จะปูองกันโรคภัยไขูเจ็บ ทั้งกำรสุขำภิบำลก็ยังไม่ดีนัก กำรระบำด ของโรคจึงค่อนขูำงมำก ใน พ.ศ. ๒๓๔๓ มีอหิวำตกโรคระบำด แต่ไม่พบหลักฐำนว่ำระบำดมำกนูอย เพียงใด พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟูำฯ ทรงมีพระกรุณำโปรดเกลูำฯ ใหูทำำพิธี อำฎำนำติยส้ตรใหู ยิงปืนใหญ่นูอยรอบพระนคร เป็นกำรบำำรุงขวัญประชำชน และเพื่อใหูควำมเจ็บไขูหำยไป กำรรักษำ ทำงยำก็เป็นยำหมูอแผนโบรำณเท่ำนั้น ในปีพุทธศักรำช ๒๓๓๑ พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟูำฯ ทรงปฏิสังขรณ์และสถำปนำวัด โพธำรำมใชูเวลำทั้งสิ้น ๗ ปี ๕ เดือน ๒๘ วัน สิ้นพระรำชทรัพย์ทั้งสิ้นเป็นเงิน ๕,๘๑๑ ชั่ง ยกฐำนะ เป็นพระอำรำมหลวงชั้นเอก เปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลำวำส ทรงใหูจำรึกเรื่องทรงสรูำง วัดพระเชตุพนฯ ไวูว่ำ "...ทำำศำลำรำยหูำหูอง เจ็ดหูอง เกูำหูอง เป็นสิบเจ็ดศำลำ เขียนเรื่องพระชำดก หูำรูอยสิบพระชำติ ตั้งตำำรำยำและฤๅษีดัดตน ไวูเป็นทำน..." ซึ่งอำจกล่ำวไดูว่ำ นี่คือจุดเริ่มตูนของกำร รวบรวมตำำรำยำเพื่อประโยชน์แก่สำธำรณชน

(5)

ครั้นถึงรัชสมัยของพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหลูำนภำลัย พระองค์ทรงมีพระรำชดำำริว่ำ "ทุก วันนี้คัมภีร์แพทย์ ณ โรงพระโอสถเสื่อมส้ญไป มิไดูเป็นเรื่องตูนเรื่องปลำย อนึ่งเหล่ำแพทย์ผู้เฒ่ำที่ ชำำนำญในลักษณะโรคแลสรรพคุณยำก็มีอย่้นูอย ยำกที่กุลบุตรจักเล่ำเรียนใหูชัดเจนไดู" เพื่อประโยชน์ แก่สมณชีพรำหมณ์อำณำประชำรำษฎร์ จึงมีพระบรมรำชโองกำรโปรดเกลูำฯ ใหูพระพงศ์นรินทร์รำชนิ ก้ล พระโอรสของพระเจูำตำกสิน ซึ่งเวลำนั้นรับรำชกำรอย่้กรมหมอ เป็นผู้สืบเสำะหำตำำรำยำลักษณะ โรคทั้งหลำยจำกพระรำชำคณะ ขูำรำชกำรตลอดจนรำษฎร ผู้ใดมีตำำรำดีขอใหูจดมำถวำย ครั้งนั้นมีผู้จด ตำำรำยำถวำยเป็นจำำนวนหลำยฉบับดูวยกัน ซึ่งหมอหลวงไดูตรวจสอบและจดลงเป็นตำำรำ ลุวันศุกร์ ปีมะโรงโทศก เดือน ๑๑ (พ.ศ. ๒๓๖๓) พระเจูำล้กยำเธอกรมหมื่นเจษฎำบดินทร์ (พระบำทสมเด็จพระนั่งเกลูำเจูำอย่้หัว) ไดูรับพระบรมรำชโองกำรใหูยกกองทัพเรือไปตั้งรับทัพพม่ำที่ กำญจนบุรี ในกำรเดินทัพไดูผ่ำนวัดจอมทอง ณ ที่นี้ไดูทรงทำำพิธีเบิกโขนหลวงตำมพิธีพิชัยสงครำม และทรงอธิษฐำนขอใหูทำำสงครำมเสร็จกลับมำโดยสวัสดิภำพ แต่กองทัพคอยอย่้จนหนูำฝน พม่ำก็ มิไดูยกทัพมำ จึงโปรดเกลูำฯ ใหูยกทัพกลับ เมื่อเสด็จกลับแลูว กรมหมื่นเจษฎำบดินทร์ ไดูทรงปฏิสังขรณ์วัดจอมทองนั้น พระบำทสมเด็จ พระพุทธเลิศหลูำนภำลัย พระรำชทำนนำมว่ำ วัดรำชโอรสำรำม (เรียกกันทั่วไปว่ำ วัดรำชโอรส) กำร ปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ไดูทรงใหูจำรึกตำำรำยำ ตำำรำหมอนวด และตำำรำวำงปลิงในแผ่นหิน ติดไวูตำมกำำแพง แกูวของพระวิหำรและพระอุโบสถ และ เมื่อเสด็จเสวยรำชสมบัติในปีพุทธศักรำช ๒๓๖๗ พระองค์ ทรงมีรับสั่งใหูบ้รณปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง และไดูจำรึกตำำรำยำร่วมรูอยขนำนไวูในแผ่นศิลำฝังไวู ตำมเสำระเบียงพระวิหำรพระพุทธไสยำสน์ พระบำทสมเด็จพระนั่งเกลูำเจูำอย่้หัว ทรงสนพระทัยในกำรแพทย์และทรงเห็นควำมสำำคัญของ กำรศึกษำ ในปีพุทธศักรำช ๒๓๗๔ เมื่อทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ จึง "มีพระรำชประสงค์พิเศษ อีกอย่ำงหนึ่ง ซึ่งจะใหูเป็นแหล่งเล่ำเรียนวิชำควำมรู้ของมหำชนไม่เลือกชั้นบรรดำศักดิ์ ถูำจะเรียก อย่ำงทุกวันนี้ ก็คือ จะใหูเป็น "มหำวิทยำลัย" ...พระบำทสมเด็จพระนั่งเกลูำเจูำอย่้หัวจึงทรงพระกรุณำ โปรดเกลูำฯ ใหูรวบรวมเลือกสรรตำำรำต่ำงๆ ซึ่งสมควรจะเล่ำเรียนเป็นชั้นวิสำมัญศึกษำ มำตรวจแกูไข ใชูของเดิมบูำง ประชุมผู้รู้หลักในวิชำนั้นๆ ใหูแต่งขึ้นใหม่บูำง แลูวโปรดใหูจำรึกแผ่นศิลำประดับไวูใน บริเวณวัดพระเชตุพนฯ..." และยังมีภำพเขียนและร้ปปั้น ซึ่งรวบรวมทั้งทำงวรรณคดี ศำสตรำคม ตำำรำยำ ตำำรำหมอนวดพรูอมร้ป ๓๐ ค่้ วิชำเภสัชสมุนไพร ร้ปปั้นท่ำฤๅษีดัดตนเพื่อกำยภำพบำำบัด ๘๐ ท่ำ แผ่นจำรึกบอกสมุฏฐำนของโรค วิธีรักษำเด็กและผู้ใหญ่ทำงตำำรำยำนั้นโปรดเกลูำฯ ใหูพระยำ บำำเรอรำชแพทย์เป็นหัวหนูำสืบหำควำมรู้ทำงแพทย์มำตรวจแกูแลูวจำรึกบนแผ่นหินอ่อนประดับบน เสำและผนังตำมศำลำรำย นอกจำกนี้ยังปล้กตูนไมูไวูทำำยำดูวย คือ ตูนสมอไทย ในรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระจอมเกลูำเจูำอย่้หัว มีกำรวำดภำพฤๅษีดัดตนเป็นจิตรกรรมฝำ ผนังไวู ณ ศำลำโถง วัดมัชฌิมำวำส (วัดกลำง) อำำเภอเมือง สงขลำ ภำพฤๅษีดัดตนที่นี่มีทั้งหมด ๔๐ ท่ำ แต่ละท่ำมีโคลงสี่สุภำพประกอบ เนื้อควำมโคลงนี้เหมือนกับที่วัดพระเชตุพนฯ เขูำใจว่ำคงจะคัด ลอกไป ครั้นรัชสมัยพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลูำเจูำอย่้หัว พระองค์ทรงสนพระรำชหฤทัยในตำำรับและ คัมภีร์แพทย์ (เดิมไดูจำรเป็นอักขระในใบลำนเหมือนคัมภีร์ธรรมะ) ทรงเห็นควำมจำำเป็นที่จะตูอง ทะนุบำำรุงใหูคัมภีร์แพทย์ใหูเป็นหลักฐำนแพร่หลำยต่อไปในกำรภำยหนูำ จึงทรงพระกรุณำโปรด เกลูำฯ ใหูประชุมแพทย์หลวงและขุนนำงขูำรำชกำรนำำคัมภีร์แพทย์ต่ำงๆ มำตรวจสอบใหูตรงกันกับ ของดั้งเดิม แพทย์หลวงที่ทรงพระกรุณำโปรดเกลูำฯ ใหูนำำคัมภีร์แพทย์ในที่ต่ำงๆ มำตรวจสอบไดูแก่ พระบรมวงศ์เธอกรมหมื่นอักษรสำส์นโสภณ พระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภ้บดีรำชหฤทัย พระยำ อมรศำสตร์ประสิทธิ์ศิลป์ หลวงกุมำรแพทย์ หลวงกุมำรเพชร ขุนกุมำรประเสริฐ ขุนเทพกุมำร คณะ กรรมกำรนี้ไดูตรวจสอบชำำระคัมภีร์แพทย์ทั้งมวลใหูถ้กตูองและไดูแปลคัดลอกใหม่จำกภำษำขอม มคธ เป็นภำษำไทย จดลงสมุดข่อยเรียกว่ำตำำรำ ถวำยเก็บไวูในคลังพระตำำรำหลวงขูำงพระที่มีหลัก ฐำนบันทึกไวูในหอสมุดหลวง แต่โดยมำกแลูวตำำรำนี้ยังคงใชูกันในหม่้แพทย์หลวง

(6)

จะเห็นไดูว่ำ ตั้งแต่ตูนรัชกำลของรำชวงศ์จักรี พระมหำกษัตริย์ทุกพระองค์ทรงเห็นซึ่งควำม สำำคัญของกำรแพทย์ มีกำรรวบรวมชำำระตำำรำยำและตำำรำทำงกำรแพทย์ และยังไดูเผยแพร่ควำมรู้ เหล่ำนี้แก่รำษฎร ในช่วงที่กำรแพทย์แผนตะวันตกยังไม่มีบทบำทในเมืองไทยนี้ กำรรักษำพยำบำลยัง เป็นตำมแบบแผนที่ปฏิบัติกันมำแต่โบรำณ คือ รักษำทำงยำ กำรนวด และใชูไสยศำสตร์ ดังที่ไดูกล่ำว แลูวในตอนตูน สำำหรับดูำนส้ติกรรมในสมัยก่อน กำรคลอดบุตรทำำที่บูำนโดยหมอตำำแยซึ่งมักเป็นหญิงส้งอำยุ แต่ในกรณีที่จำำเป็นตูองพึ่งควำมรู้ควำมสำมำรถของหมอยำ (ซึ่งเป็นผู้ชำย) ก็อำจมีกำรตำมมำช่วยไดู หลังคลอดแลูว หญิงนั้นตูองอย่้ไฟโดยกำรนอนบนกระดำนซึ่งสุมฟืนไฟอย่้ขูำงใตูในหูองแคบๆ เป็น เวลำ ๕-๓๐ วัน กำรอย่้ไฟนี้มิไดูทำำเฉพำะในคนไทย แต่มีทั้งในลำว มอญ พม่ำ มำเลย์ และจีน ในเรื่องกำรคลอดบุตรตั้งแต่สมัยโบรำณนั้น สรุปไดูว่ำหมอตำำแยเป็นผู้ทำำคลอด และคลอดที่ บูำนตำมแบบฉบับที่เคยใชูกันมำแต่โบรำณ หลังคลอดใชูวิธีอย่้ไฟเพื่อใหูมดล้กเขูำอ่้ และงดของแสลง จนครบ ๑๕ วัน ต่อมำกำรคลอดโดยแพทย์แผนปัจจุบันและทำงพยำบำล ไดูเริ่มขึ้นในรัชกำลที่ ๕ เมื่อ นำยแพทย์ ปีเตอร์ กำแวน ไดูเขูำมำรับรำชกำรเป็นนำยแพทย์ประจำำพระองค์สมเด็จพระเจูำอย่้หัว นำย แพทย์กำแวนไดูทำำคลอดหม่อมของกรมหมื่นปรำบปรปักษ์อย่ำงปลอดภัยไม่ตูองอย่้ไฟ และเมื่อ สมเด็จพระศรีพัชรินทรำบรมรำชินีนำถ ประส้ติสมเด็จเจูำฟูำอัษฎำงค์เดชำวุธ มีพระอำกำรไขู กรมหมื่น ปรำบฯ กรำบท้ลชี้แจงจนพระองค์เลิกผทมเพลิงแลูว ใหูนำยแพทย์ กำแวน พยำบำลแบบฝรั่ง จนเป็น แบบฉบับของพวกมีบรรดำศักดิ์ ในรำชสำำนักและประชำชนภำยนอกต่อมำ แต่ในทูองถิ่นที่ยังไม่เจริญ ก็ยังมีผู้อย่้ไฟอย่้บูำง ในรัชสมัยแห่งพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลูำเจูำอย่้หัว วิชำแพทย์แผนโบรำณไดูรับกำรฟื้นฟ้ และสนับสนุน โดยเฉพำะในสำำนักกรมแพทย์พระรำชวังบวร (กรมพระรำชวังบวรวิชัยชำญ) อีกทั้งเมื่อ จัดตั้งโรงศิริรำชพยำบำล ก็ไดูเปิดรักษำตำมแผนโบรำณดูวย แต่ต่อมำควำมนิยมในแพทย์แผนใหม่มี มำกขึ้น จึงยกเลิกกำรรักษำแผนโบรำณในโรงพยำบำล แต่ทั้งนี้มิไดูหมำยควำมว่ำกำรแพทย์แผนโบรำณจะส้ญหำยหรือถ้กละเลยไปอย่ำงสิ้นเชิง แพทย์ แผนโบรำณยังเปิดรักษำพรูอมกันไดูพยำยำมปรับปรุงวิธีกำรรักษำใหูดียิ่งขึ้น ซึ่งเห็นไดูในปัจจุบันว่ำมี แพทย์แผนโบรำณกระจำยอย่้และทุกภำคทุกจังหวัดของประเทศ มีสมำคมแพทย์แผนโบรำณ สถำน นวดแผนโบรำณ และในวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งถือเป็นมหำวิทยำลัยแห่งแรกของไทย ก็มีกำรเปิดสอนวิชำ แพทย์แผนโบรำณ โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนรับสอนปีละประมำณ ๒๐๐-๓๐๐ คน การแพทย์แผนไทยกับอิทธิพลการแพทย์แผนตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แมูว่ำในสมัยอยุธยำจะมีนำยแพทย์จำกตะวันตกเขูำไปอย่้ในรำชสำำนักแลูวก็ตำม แต่ไม่ปรำกฏ ว่ำวิธีกำรรักษำแบบชำวตะวันตกจะเขูำมำมีอิทธิพลเหนือกำรรักษำแบบกำรแพทย์แผนไทย ทั้งนี้เพรำะ คนไทยยอมรับกำรแพทย์ตะวันตกเฉพำะในบำงเรื่องเท่ำนั้น เช่น กำรรักษำโดยกำรผ่ำตัดหรือที่เรียก ว่ำศัลยกรรม หรือกำรใชูยำบำงขนำนของชำวตะวันตก เช่น ตำำรำยำเฉพำะโรคของหมอเมสี ซึ่งเป็นยำ สีผึ้งแกูปวดเมื่อย หรือถอนพิษปวดแสบปวดรูอน หรือยำของแพทย์โอสถฝรั่ง แกูขัดปัสสำวะอัน ปรำกฏในตำำรำพระโอสถพระนำรำยณ์ ครั้งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ บทบำทของกำรแพทย์แผนตะวันตกหลังกำรปฏิวัติอุตสำหกรรมมี มำกขึ้น โดยเฉพำะกำรเขูำมำของมิชชันนำรีชำวอเมริกัน ซึ่งมีผู้ที่สำำเร็จกำรศึกษำทำงกำรแพทย์

โดยตรงและเป็นมิชชันนำรีดูวย โดยเฉพำะหมอบรัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bladley M.D.) เป็นผู้ที่มี อิทธิพลต่อวงกำรแพทย์แผนไทยมำก เพรำะไม่เพียงแต่จะมีเฉพำะแต่ยำเม็ดเท่ำนั้น แต่มีทั้งยำฉีด อุปกรณ์ผ่ำตัด ตำำรำทำงกำรแพทย์วินิจฉัยโรค อีกทั้งมีแพทย์หลวง ขุนนำง รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ไป ศึกษำกับหมอ บรัดเลย์ ทำำใหูกำรแพทย์แผนตะวันตกเขูำมำมีบทบำทอย่ำงจริงจัง สำำหรับประชำชน

(7)

ธรรมดำ แมูส่วนหนึ่งจะชื่นชมกำรแพทย์แผนตะวันตก แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังคงนิยมชมชอบกำร รักษำแบบกำรแพทย์แผนไทย วันที่ ๔ สิงหำคม พ.ศ. ๒๓๗๘ เป็นวันแรกที่มีกำรเปิดรับรักษำคนไขูในสถำนพยำบำลที่หมอ บรัดเลย์ สรูำงขึ้นในกรุงเทพมหำนคร นับเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีกำรรักษำพยำบำลโดยชำวตะวัน ตกที่ศึกษำเล่ำเรียนมำทำงกำรแพทย์โดยตรง แต่ในวันนั้นทั้งวันไม่มีผู้ป่วยคนใดมำรักษำ ไม่มีผู้ใดมำ ขอยำ แต่หมอบรัดเลย์ก็มิไดูละควำมตั้งใจโดยเริ่มรักษำชำวจีนที่เขูำรีตก่อน จนกำรรักษำเป็นที่รำ่ำลือว่ำ มีควำมสำมำรถดุจหมอเทวดำ ทำำใหูคนไทยมีควำมสนใจที่จะเขูำไปรักษำ และในที่สุดขุนนำงก็เริ่ม ยอมรับ กำรรักษำคนป่วยของมิชชันนำรีนั้นมิใช่จะมีแต่ยำเม็ดเช่นแต่ก่อน แต่มียำหลำกหลำยชนิด ทั้ง ยำกิน ยำฉีด ใชูกำรผ่ำตัด กำรถอนฟัน และกำรวินิจฉัยโรค ซึ่งเป็นร้ปแบบของโรงพยำบำลในสมัย ปัจจุบันนั่นเอง แต่อย่ำงไรก็ตำม มิชชันนำรียังคงยึดกำรเผยแพร่ศำสนำเป็นหลัก ใหูคนป่วยสวดมนต์ และอ่ำนพระคัมภีร์ก่อนกินยำ โดยชี้ใหูเห็นว่ำฤทธิ์เดชของพระเป็นเจูำจะทำำใหูผู้ป่วยหำยปกติ จะไดู เชื่อและศรัทธำในพระเจูำของนิกำยโปรเตสแตนท์ นอกจำกกำรรักษำโรคตำมปกติแลูว มิชชันนำรีอเมริกันไดูแสดงใหูเห็นถึงประสิทธิภำพของกำร แพทย์แผนตะวันตก คือกำรผ่ำตัดแขนพระภิกษุซึ่งเกิดอุบัติเหตุจำกดอกไมูไฟและไฟพะเนียงที่บรรจุ ดินดำำในกระบอกปืนใหญ่ระเบิด ในงำนฉลองวัดประย้รวงศ์ในปี พ.ศ. ๒๓๘๐ นำำกำรปล้กฝีปูองกัน โรคไขูทรพิษมำเผยแพร่ในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ และไดูพิมพ์ตำำรำแพทย์เป็นภำษำไทยเล่มแรกคือ "คัมภีร์ ครรภ์ท-รักษำ" เขียนโดยหมอ บรัดเลย์ และไดูท้ลเกลูำฯ ถวำยพระบำทสมเด็จพระนั่งเกลูำเจูำอย่้หัวใน ปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งถือว่ำเป็นตำำรำแพทย์แผนตะวันตกที่เป็นภำษำไทยเล่มแรกหนำประมำณ ๒๐๐ หนูำ มีเนื้อหำกล่ำวถึงอำกำรโรคและวิธีบำำบัดทำงส้ติกรรม๑ ในขณะนั้นหมอไทยส่วนใหญ่มิไดูสนใจในพฤติกรรมของพวกมิชชันนำรี และกิติศัพท์ของยำ ฝรั่งก็มิไดูทำำใหูวงกำรแพทย์ไทยตื่นตัวแต่อย่ำงใด มีเพียงพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำช สนิทพระรำชโอรสองค์ที่ ๔๙ ในพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหลูำนภำลัยซึ่งเป็นหมอหลวงในรำช สำำนัก ไดูสนใจใฝ่รู้จึงไดูเขูำไปตีสนิทเพื่อปรำรถนำควำมรู้ดูำนกำรแพทย์ จำกกำรใฝ่ใจในกำรศึกษำของพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำชสนิททำำใหูพระองค์ไดู ทรงศึกษำวิชำกำรแพทย์จำกหมอบรัดเลย์ และทรงเขูำใจในวิธีกำรรักษำของแพทย์แผนตะวันตกจน เป็นที่ยอมรับในหม่้ชำวตะวันตก ทรงไดูใบประกำศนียบัตรทำงกำรแพทย์ทั้งยังไดูเป็นสมำชิกสถำบัน กำรแพทย์แห่งนครนิวยอร์ค ในสมัยรัชกำลที่ ๓ ขณะพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำชสนิทดำำรงพระยศเป็นพระเจูำ บรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวงษำธิรำชสนิท ทรงมีส่วนร่วมในกำรเขียนตำำรำยำที่วัดพระเชตุพนฯ โดย มีหนูำที่ในกำรเขียนตำำรำสรรพคุณยำ ซึ่งเป็นตำำรำยำที่กล่ำวถึงพืชสมุนไพรแต่ละชนิดว่ำมีสรรพคุณใน กำรรักษำโรคภัยไขูเจ็บอย่ำงไร เป็นงำนนิพนธ์ที่แตกต่ำงจำกตำำรำยำที่เคยรับรู้กัน จำกตำำรำสรรพคุณยำที่วัดพระเชตุพนฯ วิเครำะห์ไดูว่ำพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำช สนิทน่ำจะไดูนำำกำรแพทย์แผนตะวันตกมำผสำนเขูำกับกำรกำรแพทย์แผนไทย จำกกำรศึกษำตำำรำยำ สรรพคุณยำฉบับที่พระองค์ชำำระขึ้นใหม่ พบว่ำเป็นตำำรำสรรพคุณยำที่พัฒนำขึ้นมำอย่ำงชัดเจน เพรำะ มีรำยละเอียดและกำรศึกษำเพิ่มเติมขึ้นกว่ำแต่ก่อน พระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำชสนิททรงนิพนธ์ "ตำำรำสรรพคุณยำ" ใหูเป็นตำำรำยำ แพทย์แผนไทยสมัยใหม่ซึ่งผิดแผกแตกต่ำงจำก "ตำำรำยำไทย" ที่เคยมีมำในอดีต เพรำะในตำำรำยำไทย จะเป็นกำรกล่ำวถึงกำรประกอบยำอันประกอบดูวยพืชสมุนไพรหลำกหลำยชนิดนำำมำรวมและตูมผสม กันอันเชื่อว่ำสำมำรถแกูโรคต่ำงๆ ไดู ซึ่งยำกแก่กำรศึกษำคูนควูำและตรวจสอบสรรพคุณแต่ละส่วน

(8)

ของพืช เพรำะในตำำรำมิไดูบอกถึงสรรพคุณเฉพำะอย่ำง ซึ่งอำจเป็นวิธีกำรปิดบังส้ตรยำที่แทูจริงของ แพทย์แผนไทยก็ไดู ตำำรำของพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธิรำชสนิทนั้น ไดูนำำสมุนไพรมำกกว่ำ ๑๐๐ ชนิด มำเขียนเป็นตำำรำยำโดยแยกดูำนรำยละเอียดของส่วนต่ำงๆ ของสมุนไพรแต่ละชนิด ไม่ว่ำส่วนของ ลำำตูน ใบ เปลือก แก่น กระพี้ ยำง หัว ล้ก ดอก และรำก ว่ำสำมำรถนำำไปใชูแกูโรคอะไรไดูบูำง เป็นกำรอธิบำยที่ค่อนขูำงจะเป็นสมัยใหม่และเป็นแนวทำงที่จะนำำไปตรวจสอบหรือทดสอบทำง วิทยำกำรสมัยใหม่ไดู ท่ำนไดูทรงรวบรวมจำกตำำรำ กำรแสวงหำ หรือกำรทดลองซึ่งถูำพิจำรณำจำก ภำพรวมตำำรำยำไทยจะเห็นไดูว่ำตำำรำยำไทยเรื่อง "ตำำรำสรรพคุณยำ" ของพระเจูำบรมวงศ์เธอ กรมหล วงวงษำธิรำชสนิทเป็นตำำรำที่ผ่ำนกำรวิเครำะห์และพัฒนำจำกตำำรำยำไทยอื่นๆ ในสมัยนั้น และเป็น แนวทำงที่คนรุ่นหลังสำมำรถนำำไปวิเครำะห์ทดลองไดูดูวยวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์หรือวิทยำกำรสมัย ใหม่ไดู ๑ พิชำญ พัฒนำ, ควำมเป็นมำของกำรแพทย์เมืองไทย (พระนคร: โอเดียนสโตร์, ๒๕๐๙), ๑๓๑. เปรียบเทียบตำารายาไทยทั่วไป กับตำาราสรรพคุณยา ตำารายาพระโอสถพระนารายณ์ ยำศุขไสยำศน์ ใหูเอำกำรบ้รส่วน ๑ ใน สเดำ ๒ ส่วน สหัสคุณเทศ ๓ ส่วน ลม้ลแวูง ๔ ส่วน เทียนดำำ ๕ ส่วน เกฎกระด้ก ๖ ส่วน ล้กจันทร์ ๗ ส่วน ดอกบุนนำค ๘ ส่วน พริกไทย ๙ ส่วน ขิงแหูง ๑๐ ส่วน ดีปลี ๑๑ ส่วน ใบกัญชำ ๑๒ ส่วน ทำำเปนจุณ ละลำยนำ้ำผึ้งเมื่อจะกินเศกดูวยสัพพีติโย ๓ จบ แลูวกินพอควรแกูสรรพโรคทั้งปวงหำยสิ้น มีกำำลังกินเขูำไปนอนเปนศุขนักแล ยำหอมดุมใหูเอำแก่นมะทรำง เปลือกมะทรำง เปลือกไข่เน่ำ ชเอมเทศ กรักขี จันทร์แดง จันทร์ ขำว ดอกพิกุล ดอกบุญนำค ดอกสำรภี เกศรบัวนำ้ำ เสมอภำค ทำำเปนจุณ นำ้ำดอกไมูเป็นกระสำย บด ทำำแท่งละลำยนำ้ำดอกไมู นำ้ำซำวขูำวก็ไดู รำำหัดพิมเสนลงทั้งกิน ทั้งชโลมแกูไขูสันนิบำตอันมีกำำลังมำก หำยแล ตำารายาพระโอสถครั้งรัชกาลที่ ๒ ในที่นี้จะว่ำดูวยสรรพคุณวิเศษคือ คณะสรรพยำที่จะแกูโรคอันเปนชำติคือสรรพหืดนั้นโดยนัย ดังนี้ ยำชื่อประสะเกลือ เอำนำ้ำผึ้ง นำ้ำบวมขม นำ้ำรำก หญูำคำ นำ้ำเกลือ นำ้ำสลัดได นำ้ำกระทือ นำ้ำบอระ เพ็ด เอำเสมอภำคใส่กระทะกวนไปจนปั้นไดู ใหูกินหนักสลึง ๑ แกูสรรพโรคหืด ซึ่งกระทำำใหูหำยใจดัง ครอกๆ แกูไอ และโรคเกิดในกองสมุฎฐำนนั้นหำยสิ้นวิเศษแล ยำแกูวิทยำธิโรค ใหูไปกลั้นใจถำกเอำเปลือกมะฝ่อทีละเปลือกใหูไดู ๓ เปลือกๆ ละ ๓ นิ้ว เปลือกแรกลง อิ เปลือกที่สองลง สุ เปลือกที่สำมลง ติ แลูวจึงเอำแซ่มูำทลำย รำกไมูรวกยำเขูำเย็นทั้ง ๒ สิ่งละตำำลึง ๑ ตูมตำมใหูกินแกูพิศม์ใหูคลั่งแลสลบไปก็ดีหำยวิเศษนัก ตำารายาวัดราชโอรส จะกล่ำวฝีดำษเกิดในเดือนสิบเอ็ด สิบสอง เดือนหนึ่ง ทั้ง ๓ เดือนนี้เกิดเพื่ออำโปธำตุมักใหูเย็น ในอกและมักตกม้กและตกเลือดใหูเสียแม่แสลงพ่อ แสลงนุ่งขำวห่มขำวและทำำบัดไปส่งทิศอุดรแล อิสำรจึงจะดีฯ ถูำแกูเอำใบมะอึก ใบผักบูุงซัน ใบก่ำงปลำทังสอง ใบพุงดอ ใบผักของ ใบหมำก ใบทอง พันชั่ง เอำเสมอภำค ตำำเอำนำ้ำพันดับพิษฝีเมื่อเสมหะหำยฯ

(9)

ลักษณะไขูเจลี่ยงอำกำรนั้น ใหูจับสะทูำนใหูเทูำเยน ใหูรูอนในอกเป็นกำำลัง ใหูกระหำยนำ้ำนัก ใหูขัดอุจจำระปสำวะ ใหูละอองดีเมื่อเขียวใหูตำลขลัวนำ้ำตำแหูงโทษสรรนิบำทกำำลังโคเตลิงเบญจกุล พริกไท เอำเสมอภำค เอำตูม ๓ เอำ ๑ ใหูกินแกูจับสะทูำนแลฯ ตำารายาวัดพระเชตุพนฯ ปุนะจะปะรังลำำดับนี้ จักกล่ำวดูวยนัยหนึ่งใหม่ว่ำดูวยลักษณะโลหิตทุจริตโทษ ๕ ประกำร สืบ ต่อไปคือ โลหิตระด้รูำง โลหิตคลอดบุตร โลหิตตูองพิฆำต อันตกตูนไมูและตูองทุบโบโลหิตเน่ำ โลหิต ตกหมกชำ้ำ เป็น ๕ ประกำรดูวยกัน อันบังเกิดแก่สตรีภำพทั้งหลำย อันมีสำมีแลูวกล่ำวดังนี้ฯ ลำำดับนี้จะกล่ำวแต่โลหิตทุจริตโทษ คือระด้รูำงก่อนเป็นปฐมเมื่อบังเกิดนั้น ระด้มิดุจนำ้ำซำวขูำว กระทำำใหูเวทนำต่ำงๆ ครั้งแก่เขูำมักกลำยเป็นมำรโลหิตฯ ถูำจะเอำล้กจันทร์ ดินประสิวขำว เทียนดำำ เทียนขำว ขิงแหูง หอมแดง กะเทียม กระชำย ไพล สิ่งละ ๒ ส่วน ขมิ้นอูอย ๔ ส่วน ทำำเปนจุณบดทำำแท่งไวู ละลำยนำ้ำสูมซ่ำแทรกกำรบ้รกินแกูโลหิตคือ ระด้รูำงนั้น หำยดีนักฯ ขนำน ๑ เอำเทียนทั้ง ๕ โกฏเขมำ โกฏิพุงปลำ กระวำน กำนพล้ สิ่งละ ๒ ส่วน เปลือกกุมทั้ง ๒ รำกระหุ่งแดง ลำำพัน ไพล ขมิ้นอูอย รำกพันง้แดง รำกอังกำบ สมอไทย สมอพิเภก ผลผักชี ไครูหอม อลรำชพฤกษ์ รำกผักโหมหิน เปลือกโลด วำนเปรำะ ผลชูำพล้ ขิงแหูง เจตม้ลเพลิง ดีปลี สคูำน สิ่งละ ๔ ส่วน ทำำเปนจุณบดทำำแท่งไวู ละลำยนำ้ำกระสำยอันควรแก่โรคแทรกชะมด พิมเสนกินแกูโลหิตระด้ รูำงกระทำำพิษนั้นหำยดีนักฯ ขนำน ๑ เอำรำกขี้กำแดง เบญจขี้เหล็ก ใบระกำ ใบมะขำม ใบสูมป่อย หญูำไซ ผลคัดเคูำเอำ เสมอภำคตูมใหูงวดแลูวจึงเอำยำดำำ ดีเกลือสิ่งละ ๑ สลึง ปรุงลง กินแกูโรคอันบังเกิดแกสตรีภำพทั้ง หลำย ซึ่งกระทำำพิษนั้นหำยวิเศษนักฯ สิทธิกำริยะ จะกล่ำวสรรพยำซึ่งรักษำวัณโรคคือสรรพแผลทั้งปวงสืบไป ใหูบุคคลทั้งหลำยพึงรู้ ดังนี้ ยำขี้ผึ้งแดง เอำชำดผง ชำดกูอน ยำงสนเหนือ ยำงสนสะเภำ กำำยำนเหนือ กำำยำนสะเภำสิ่งละ ๒ ตำำลึง ๒ บำท ขี้ผึ้งแหูง สิ่งละ ๕ ตำำลึง นำ้ำมันทะนำน ๑ ตั้งไปใหูละลำย แลูวเอำยำใส่กวนดูวยแดดดีแลูวจึง เอำใส่แผลชำำระทั้งเรียกเนื้อ และแกูแผลมีตัวก็ไดูวิเศษนักฯ ตำาราสรรพคุณยา หลวงวงษาธิราชสนิท (ฉบับวัดพระเชตุพนฯ) อนึ่งสรรพคุณแห่งขิงสดนั้น มีรสอันหวำนรูอนเผ็ด เง่ำรู้บำำรุงใหูเจริญอำกำศธำตุ ดอกรู้แกูโรค อันเกิดแต่กองหทัย ใบรู้แก่กำำเดำ ตูนรู้สะกดลมลมไปส่้ค้ถทวำรเบื้องตูน รำกรู้แกูใหูเสี่ยงเพรำะและรู้ จำำเจิญอำหำร อันว่ำคุณคนทีสอขำวนั้น ใบรู้ตั้งปิตตสมุฎฐำนใหูเป็นปกติรู้แก่ลม และรู้ฆ่ำแม่พยำธิ์และแกู สำบสำงในกำย ดอกรู้แกูไขอันบังเกิดแต่ทรวงและรู้แกูพยำธิและหืดไอ แกูไขูในครรภ์รักษำ เปลือกรู้ แกูไขอันกระทำำใหูเย็นและแกูคลื่นเหียนไสู รู้แกูระด้และรู้ตั้งซึ่งโลหิต รำกรู้แกูไขอันทำำใหูรูอนฯ อันว่ำคุณแห่งรักขำวนั้น มีรสอันจืด ใบรู้แกูริดสีดวงทวำรและคชรำด ยำงรู้แกูริดสีดวงในลำำไสู ดอกรู้แก่แม่พยำธิ คือกลำกและเกลื่อน ผลรู้แก่ซึ่งรังแคใหูตก ตูนบำำรุงทวำรทั้ง ๙ ใหูบริบ้รณ์ รำกรู้ แกูม้กเลือดและไขูเหนือฯ

(10)

อันว่ำคุณแห่งสะเดำนั้น มีรสอันขมฝำดเย็น ใบใหูรู้แก่ใหูระมัดซึ่งอุทร รู้บำำรุงเพลิงธำตุกระทำำ ใหูอำหำรงวด ดอกรู้แกูพิษโลหิต อันบังเกิดแต่กำำเดำ รู้แกูริดสีดวงในลำำคอใหูคันดุจอังพยำธิไต่อย่้ ผล รู้แกูลมหทัยวำด ลมสัตถวำดและลมอันเกิดแตกกองปิตตสมุฎฐำน เปลือกรู้แกูบิดม้กเลือด กระพี้รู้แก่ ดีและแกูบูำอันเพื่อคลั่ง แก่นรู้แกูลมอันคลื่นเหียนอำเจียน และลมอันผ้ก รำกรู้แกูเสมหะอันเป็นสนิม อย่้ภำยในอุทรและรู้แกูเสมหะอันติดลำำคอ ใหูตกตำมอำจำรย์ท่ำนกล่ำวไวูฯ ตำาราสรรพคุณยา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (ฉบับสมุดไทย) จะกล่ำวสรรพคุณแห่งขิงสดนั้น มีรสหวำนรูอนรู้ใหูเจริญซึ่งอำยุ และรู้แกูปำกคอมิสบำย แล แกูโรคอันบังเกิดแต่ในทรวง รู้บำำรุงเพลิงธำตุ แกูเสมหะแลลมอันทพฤกษ์ รู้สะกดลมลงไปส่้เบื้องตำ่ำ รู้ กระทำำอันกระทำำใหูอำหำรงวดรำกนั้นมีรสเผ็ดรูอนขม รู้แกูโรคอันบังเกิดแก่ทรวงรู้กระทำำใหูเสีย เพรำะรู้ฆ่ำพยำธิแลพรรดึก กระทำำใหูรู้รสอำหำร แลแกูลมอันแน่นอก แลลมอันกลิ้งไปมำในอุทรแลรู้ แกูบิดอันตกโลหิต ดุจสีขมิ้นผลนั้นรู้แกูไขูอันหนำวสทูำน ดอกนั้นรู้แกูตำเปียกแฉะ ตูนนั้นรู้แกูนิ่วเบำ หยด กล่ำวสังเขปคุณขิงสดสิ้นเท่ำนั้น จะกล่ำวสรรพคุณคนทีสอขำว ใบนั้นรู้ตั้งดีใหูปรกติแลแกูลม รู้แกูแม่พยำธิแล แกูสำบคำยใน กำย ดอกนั้นรู้แกูไขูอันบังเกิดแต่ทรวง ดอกนั้นแกูรู้พยำธิ เปลือกนั้นรู้แกูไขูอันกระทำำใหูเยน กระพี้ นั้นแกูเหียนแลรำกไสูนั้นรู้แกูฤด้แลรู้ตั้งซึ่งโลหิต รำกนั้นรู้แกูไขูอันกระทำำใหูรูอนกล่ำวสังเขป คุณ คนทีสอขำวมำสิ้นแต่เท่ำนี้ฯ จะกล่ำวสรรพคุณสะเดำใหญ่ มีรสอันขมฝำดเยน รู้แกูระมัดซึ่งทูอง รู้บำำรุงธำตุ รู้กระทำำใหู อำหำรงวดรู้แกูพยำธิทั้งปวง และรู้แกูโรคในลำำคอ อันกระทำำใหูคนนั้นดุจหนึ่งพยำธิ อันตำยอย่้นั้น ล้ก นั้นแกูลมแลดี เปลือกนั้นแกูปิดเปนม้กเลือด กระพี้นั้นรู้แกู แลแกูบูำอันเพูอคลั่ง แก่นนั้นแกูลมอั่นก ระทำำใหูเหียนรำกแลอันผ้ก รำกนั้นรู้แกูเสมหะอันผ้กภำยใน แลเสมหะอันติดลำำคอกล่ำวสังเขปคุณ สะเดำใหญ่ สิ้นแต่เท่ำนี้ จำกตัวอย่ำงจะเห็นไดูว่ำ ตำำรำยำของกรมหลวงวงษำธิรำชสนิททั้งฉบับวัดพระเชตุพนฯ และ ฉบับสมุดไท แตกต่ำงจำกตำำรำยำไทยฉบับอื่นๆ อย่ำงชัดเจนตรงที่พระองค์ไดูแยกวิเครำะห์พืช สมุนไพรแต่ละชนิดออกเป็นส่วนย่อยๆ ไดูแก่ รำก ใบ ตูน ดอก ผล เปลือกและกระพี้ ทำำใหูเกิดกำร พัฒนำมำเป็นกำรวิจัยสมุนไพรเช่นในปัจจุบัน ควำมคิดดังกล่ำวนี้น่ำจะไดูรับอิทธิพลตะวันตกที่เขูำมำมี บทบำทในกำรแยกแยะสรรพคุณพืชสมุนไพรแต่ละส่วนใหูชัดเจนยิ่งกว่ำตำำรำที่กล่ำวสรรพคุณไวูรวมๆ ดังที่มีมำแต่สมัยอยุธยำ นอกจำกนี้ตำำรำยำของกรมหลวงวงษำธิรำชสนิทบำงเล่ม ยังปรำกฏตำำรำยำแผนตะวันตก ๔๒ ชนิด รวบรวมไวูเป็นหมวดหม่้ แสดงใหูเห็นว่ำพระองค์ทรงนำำเอำยำฝรั่งมำศึกษำคูนควูำและรอบรู้ สรรพคุณยำไดูรับกำรยกย่องว่ำเป็นตำำรำทำงโอสถสำรวิทยำ หรือเภสัชวัตถุเล่มแรกของไทยที่กล่ำวถึง ยำฝรั่ง ดังที่ปรำกฏรำยชื่อยำฝรั่งในตำำรำเล่มนี้๒ คือ ๒ ประโชติ เปล่งวิทยำ, เภสัชกรรมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในรอบ ๒๐๐ ปี (กรุงเทพฯ : จุฬำลงกรณ์ มหำวิทยำลัย,๒๕๒๖), ๑๓๙-๑๔๐. ๑. นำ้ำกรบ้ร ๒. ผัดโฟเรด ๓. ฟำดโฟเรศแอซิค ๔. วิโรดรัป

(11)

๕. คิวปรัม ๖. อำสนิกกำำ ๗. อนิกำ ๘. เบญละตะนะ ๙. ปรำยโอเนีย ๑๐. แกนทำริส ๑๑. อำโมเวก ๑๒. แกมโมมิลำ ๑๓. สิงโกนำ ๑๔. อัญวีกำำ ๑๕. ดนโลลิน ๑๖. ติดซิตำลิส ๑๗. คัละสิมำระ ๑๘. พยัศสิยำำพัศ ๑๙. อิคนำเซีย ๒๐. อิปิแก็ก ๒๑. ลักซิก ๒๒. โกโฟเคียร ๒๓. คิวปิวัสวัต ๒๔. นักสวำำมิกำ ๒๕. โอเปียม ๒๖. ยลสะกักละ ๒๗. รัศทัด ๒๘. ลิเบีย ๒๙. แรมโมเนียม ๓๐. ลันละฟูำ

Referências

Documentos relacionados